หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

นํ้ามันปลากับนํ้ามันตับปลาแตกต่างกันอย่างไร และมีประโยชน์อะไรต่อร่างกาย?

ผมกำลังเข้าสู่วัยทองที่จำเป็นจะต้องสรรหาสิ่งดีๆให้แก่ร่างกายเพิ่มเติมบ้างแล้วล่ะครับ แต่พอคิดจะเลือกหามารับประทานบ้างก็ปวดหัวหนักซะแล้ว เพราะมีคนมากมายแนะนำให้หาซื้อ "นํ้ามันตับปลา" (Cod Liver Oil) มาบำรุงร่างกาย แต่ก็ดันไปเจอ "นํ้ามันปลา" (Fish Oil) เข้าไปอีก เลยงงไปกันใหญ่ว่าอะไรกันแน่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราได้ดีกว่ากัน

คำตอบที่ดีที่สุด:  • น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) สกัดจากตับของปลาทะเล เช่นปลาคอด แฮลิบัท เฮอร์ริ่ง นิยมรับประทานเพื่อเสริมวิตามินเอ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเยื่อบุผิวให้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีวิตามินดี ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมรวมทั้ง ฟอสฟอรัสบริเวณลำไส้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้การสร้างกระดูกเป็นไปอย่างปกติ

น้ำมันตับปลานั้นส่วนใหญ่จะมีปริมาณวิตามิน เอ และดี ในปริมาณที่สูง และได้น้ำมันด้วย หากได้รับวิตามินเกินขนาด โดยเฉพาะวิตามินเอและดี ก็อาจเกิดพิษจากการสะสมวิตามินเกินความจำเป็น โดยมีอาการความดันในสมองสูง ปวดศีรษะ หิวน้ำ และปัสสาวะบ่อย ฯลฯ เป็นผลข้างเคียง ที่เกิดจากการรับประทานเกินขนาด

• น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นน้ำมันที่สกัดจากเนื้อ หนัง หัว และหางปลาทะเล อาทิ ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคคอเรล ปลาแซลมอน ปลาทูน่า น้ำมันปลามีกรดไขมันที่ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างเองได้ โดยเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (Polyunsaturated Fatty Acid) หรือ PUFA 2 ชนิด ในกลุ่มโอเมก้า3 คือ
- Eicosapentaenoic acid (EPA)
- Docosahexaenoic acid (DHA) 

สำหรับประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า3 ในทางการแพทย์คือ สามารถลดอุบัติการณ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือด (ใช้ในปริมาณสูงถึง 2 กรัมต่อวัน)
การใช้ลดการอักเสบในคนไข้โรครูมาตอยด์ที่มีอาการปวดข้อ การใช้เพื่อลดอาการคันและอักเสบในคนไข้โรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีอาการอักเสบร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประโยชน์ของ DHA กับการพัฒนาสมองและดวงตา โดยมีการนำ DHA ไปเสริมในนมสำหรับทารก หรือหญิงมีครรภ์ การใช้ในโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ที่พบในผู้สูงอายุ

จะปลาเล็ก..ปลาน้อย..ปลาตัวโต หากเรารับประทานปลาเป็นประจำ ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจหรือไขมันอุดตันก็จะน้อยกว่าคนทั่วไป ที่สำคัญ ยังมีผลวิจัยว่าสาร DHA มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองโดยเฉพาะในส่วนของความจำ และการเรียนรู้ เพราะสาร DHA จะเข้าไปเสริมสร้างความเจริญเติบโต ของปลายประสาทที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องซื้อปลาแพง ๆ มารับประทาน เพราะแค่ปลาสด ๆ ที่วางขายในตลาดแถวบ้าน เช่น ปลาทู ปลาตะเพียน ก็มีสารอาหารเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว

รับประทานน้ำมันปลาอย่างไรจึงจะปลอดภัย
1. บุคคลทั่วไป ควรรับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งอาหารที่มีกรด alpha – linolenic acid สูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดธัญญพืช เต้าหู้ เป็นต้น
2. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรรับประทานน้ำมันปลา ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม/วัน
3. ผู้ป่วยที่ต้องการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ควรรับประทานวันละ 2 – 4 กรัม

* ก่อนตัดสินใจรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย และพึงระวังว่าการรับประทานน้ำมันปลาขนาดสูง อาจทำให้ระดับวิตามินอีในร่างกายลดลง

ควรทานดีหรือไม่ ?

อาหารเสริม คือ อาหารที่เสริมนอกเหนือจากอาหารมื้อหลักของเรา ส่วนใหญ่ใช้ในคนที่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
แต่ถ้ารับประทานอาหารเพียงพอ และครบถ้วนแล้ว การทานอาหารเสริมก็ไม่จำเป็น (ไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆ)

ในการสร้างเซลสมอง ร่างกายจำเป็นที่จะต้องใช้ไขมัน 2 ชนิดคือ Omega-3 และ DHA ซึ่งพบมากในน้ำมันปลา (และในอาหารอื่นๆอีกหลายชนิด) แล้วเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของ DHA เพื่อสร้างเซลสมองต่อไป
ซึ่งกระบวนการสร้างเซลสมองนี้ เกิดขึ้นในช่วงเด็กทารกจนถึงอายุประมาณ 5 ขวบ (สมอง เติบโตช่วงทารก - 5 ขวบ ส่วนหัวใจ เติบโตช่วงทารก - 20 ปี) ดังนั้นคนที่อายุมากกว่านี้ กินไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก (แต่อาจจะได้ประโยชน์ในเรื่องของช่วยลดไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ)

ส่วนใหญ่จะใช้บำรุงเด็กเล็กๆ หรือตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยในอาหารเด็กหลายยี่ห้อ จะมีการผสมน้ำมันปลาลงไปด้วย
แต่จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลามีส่วนช่วยเรื่องความจำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้เด็กฉลาดกว่าปกติแต่อย่างใด และในเด็กเล็กๆ บางคนที่ไม่แข็งแรงก็อาจแพ้สารพิษจากน้ำมันปลาได้

สมองที่ดีอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงครับ ฉะนั้นทำร่างกายเราให้แข็งแรง ทานอาหารเพียงพอและครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดี โดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อที่ไหน จากนั้นเรื่องความจำและสมอง ให้หมั่นคิดบ่อยๆ ทำแบบฝึกหัด ยิ่งทำเยอะ ยิ่งเข้าใจ อ่านหนังสือ ไม่มีอะไรเกินความพยายาม

ยี่ห้อนี้จากนิวซีแลนด์ ได้รับารรับรองจากอย.  น้าเรากินอยู่เพราะหมอแนะนำ นางบอกเลิศจริงไรจริงจ้า
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาหาร OMEGA3 DHA/Mini 500 มก.คือ น้ำมันปลาชนิดเดียวกับ OMEGA3 DHA 1000 มก.ทุกประการ หากแต่มีปริมาณน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อให้ เหมาะสำหรับเด็ก และผู้ที่กลืนเม็ดยายากด้วยเอกสิทธิ์การผลิตน้ำมันปลาที่มีความบริสุทธิ์สูงจาก “แหล่งปลา” ธรรมชาติในน่านน้ำทะเลปิดบริเวณเกาะใต้ของนิวซีแลนด์โดยใช้ปลาประจำชาติ “โฮกิ” ผสมกับน้ำมันปลาทูน่าสกัดเข้มข้นจนได้คุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาโอเมก้า3 / ดีเอชเอของเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์ ที่โดดเด่นดังนี้
ความบริสุทธิ์: น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอ จากน่านน้ำทะเลปิด!  น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอ เอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์กลั่นจากปลาโฮกิ (Hoki) ผสมปลาทูน่าที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำบริสุทธิ์ของทะเลซีกโลกใต้ที่ไร้การเดินเรือขนส่ง จึงมีสารเจือปนโดยเฉพาะสารโลหะหนักน้อยกว่าทุกแหล่งจนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นน้ำมันปลาโอเมก้า3 / ดีเอชเอที่บริสุทธิ์ที่สุด
ความสดใหม่: ทานแล้วไม่เรอ! น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอของเรามีความสดสูงไร้สารแต่งกลิ่นและรสโดยวัดระดับความสดจากค่าสัมผัสออกซิเจนของน้ำมันปลาขณะผลิตหรือง่ายๆจากอาการเรอหลังทานเนื่องมาจากน้ำมันปลาที่มาจากปลาไม่สด ซึ่งเรากล้ารับประกันความสดของน้ำมันปลาทุกเม็ดยืนยันความสดใหม่ได้จากผลการวิเคราะห์จากห้องแล็ปรัฐบาลที่ประเทศนิวซีแลนด์Cawthron Laboratories และAgriquality Laboratories.
ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ: สูงกว่าถึงสองเท่าครึ่ง! น้ำมันปลานั้นโดดเด่นในการต้านการอักเสบในร่างกายซึ่งและน้ำมันปลาโอเมก้า3/ดีเอชเอของเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์เท่านั้นที่มีคุณประโยชน์นี้สูงกว่าน้ำมันปลา 'ธรรมดา’ ถึงสองเท่าครึ่งเราเรียกคุณประโยชน์ที่โดดเด่นนี้ว่า "X-Factor" ซึ่งได้จากการผสมน้ำมันปลาคุณภาพสูง 2 ชนิดเข้าด้วยกันคุณสมบัติต้านการอักเสบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนแพทย์ Wellington School of Medicine ที่ประเทศนิวซีแลนด์
ประสิทธิภาพทางชีวภาพ: ดูดซึมได้ง่ายกว่า ! น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอเรากลั่นในระดับโมเลกุลจึงคงสภาพน้ำมันปลาที่เป็นธรรมชาติ และรูปเข้มข้นซึ่งไม่ใช่รูปสังเคราะห์ดังเช่นที่พบในท้องตลาดทั่วไป
ดีเอชเอสูงถึง140 มก. จากโอเมก้า3 500 มก. กรดไขมันชนิดดีที่สำคัญใน OMEGA3 คือ DHA และ EPA หากแต่ DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมองและระบบประสาท นอกจากนี้เมื่อร่างกายต้องการใช้ EPA ร่างกายสามารถเปลี่ยน DHA ให้อยู่ในรูป EPA ได้ง่าย ในขณะที่การเปลี่ยนจาก EPA มาเป็น DHA นั้นทำได้ยากกว่า
หากคุณกำลังมองหาอาหารบำรุงสมองและกำลังพิจารณาว่าจะรับประทานน้ำมันปลาโอเมก้า3 ยี่ห้อไหนดี  ข้างล่างนี้คือ คำแนะนำที่อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้
1. แหล่งที่มาของการผลิตน้ำมันปลา
ปลาที่จะนำมาผลิตเป็นอาหารเสริมนั้น ต้องมีความบริสุทธิ์สะอาดมากกว่าการนำปลาที่นำมาบริโภคทั่วไปเพราะการสกัดน้ำมันปลาออกมานั้นเราได้คุณค่าสารสำคัญ เช่นกรดไขมันชนิดดีต่างๆ ในปริมาณมากกว่าการรับประทานปลาเป็นตัวๆแต่หากแหล่งที่มาของปลามีสารปนเปื้อนแล้วก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารปนเปื้อนนั้นเข้าไปในปริมาณสูงเช่นเดียวกัน
ระยะเวลา จากแหล่งปลาถึงแหล่งผลิตก็มีความสำคัญ หากใช้ระยะเวลานานดังเช่น การจับปลาบนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่และใช้เวลาอยู่บนเรือนับเป็นเดือนๆ ก็จะทำให้ปลาไม่สดซึ่งกรดไขมันจะเสื่อมคุณภาพนอกจากร่างกายจะไม่ได้รับประโยชน์จากกรดไขมันได้เต็มที่แล้วยังอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นคาวอีกด้วย
2. ข้อมูลโภชนาการบนฉลาก เช่น ปริมาณ DHA และ EPA
ปริมาณกรดไขมันตัวที่ดี มีสัดส่วนที่เหมาะสมตามธรรมชาติของปลา ตั้งแต่ OMEGA 3,6 และ 9 โดย OMEGA3 ที่สำคัญได้แก่ DHA และ EPA อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้เลือกน้ำมันปลาที่มี DHA สูงเพราะร่างกายสามารถเปลี่ยน DHA เป็น EPA ได้ง่ายกว่า
3. ได้รับการรับรองจากองค์กร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐาน
อาหารเสริมที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เช่น องค์การอาหารและยาไทย
4.  ผลงานวิจัย
ผลงานวิจัยที่ให้การรับรองถึงประสิทธิภาพในคุณสมบัติสำคัญของน้ำมันปลา เช่นการรักษาการอักเสบ เป็นสิ่งสำคัญ  ที่ยืนยันคุณภาพของน้ำมันปลานั้นได้

มาทำความรู้จักกับน้ำมันปลากันก่อนนะค่ะว่ามัน ฟิชออย คืออะไร? น้ํามันปลา หรือ Fish oil นั้นคือส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หัว หนัง หาง ของปลานั้น โดยเฉพาะปลาในเขตพื้นที่หนาวๆค่ะ ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิดเลยทีเดียวที่จำเป็น น้ำมันปลาประกอบนั้นด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) และกรดไขมันโอเมก้า-6 (Omega-6) สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นก็จะถูกจะแบ่งออกเป็น  DHA และ EPA เป็นหลักค่ะ ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมากมาย เพราะว่าร่างกายเรานั้นไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ต่ะ และต้องได้รับจากอาหารหรือ อาหารเสริม ที่เรากินเข้าไปเท่านั้นนะค่ะ

น้ํามันปลา ที่ดีควรมาจากปลาทะเล ตัวอย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาซาบะ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาแงโชวี่ ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล หอยกาบ ปลาชอคฟิช หอยพัด กุ้ง หอยนางรม ปลาหมึก ควรเป็นปลาที่มาจากทะเลจริงๆนะค่ะไม่ใช่เลี้ยงในบ่อนะค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
"ที่มาของชื่อเวบไซต์ "GoutDak เก๊าท์แดก" วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่เก๊าท์แดก โรคเก๊าท์กำเริบ ที่บริเวณข้อนิ้วโป้งเท้าขวา บวมมาก แล้วเดินไม่ได้ ก็เลย เปิดเวบบอลค์ "GoutDak เก๊าท์แดก" ซะเลย พี่เอี้ยง พลอากาศตรี หญิง ปริชาติ นกน้อย เพื่อนกันตั้งให้ โทรไปพี่เอี้ยง ทักเลย ได้ข่าวว่า" ตุ๊ เก๊าท์แดก" ก๊เลยหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน(ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเวบไวด์ ซะเลย) พี่ตุ๊ KPI เมื่อ 31 มีนาคม 2553 Establish March 31, 2010 www.goutdak.blogspot.com eMail:goutdak@gmail.com