หน้าเว็บ

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

" ตับ "



ฉันคือ " ตับ " ของคุณ

เสียเวลาอ่านสักนิด
แล้วคุณจะรักตัวคุณ
และคนที่คุณรักมากขึ้น

หวัดดี...ฉันคือตับ ของคุณ
ให้ฉันเล่าให้คุณฟังว่า
ฉันรักคุณมากเท่าใด 9 ข้อ

1. ฉันสะสมธาตุเหล็กสำรอง
รวมทั้งวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
ที่คุณต้องการ หากไม่มีฉัน
คุณก็จะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะอยู่ต่อไป

2. ฉันผลิตน้ำย่อย
สำหรับย่อยอาหารให้คุณ
หากไม่มีฉัน คุณก็สูญเสียอาหาร
จนไม่มีอะไรเหลืออยู่

3. ฉันทำหน้าที่ล้างพิษ
พวกสารเคมีที่คุณมอบให้ฉัน
ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ เบียร์ ไวน์
ยาต่างๆ รวมทั้งสิ่งผิดกฏหมายทั้งหลาย
หากไม่มีฉัน สิ่งเหล่านี้ก็จะฆ่าคุณไปแล้ว

4. ฉันเก็บพลังงานเหมือนแบตเตอรี่
โดยสะสมน้ำตาล ในรูปของ
(คาร์โบไฮเดรท , กลูโคส และ ไขมัน)
ไว้ให้คุณเมื่อคุณต้องการมัน
หากไม่มีฉัน ระดับน้ำตาล
ในเลือดของคุณจะลดลงต่ำมาก
จนทำให้คุณล้มพับไป

5. ฉันสร้างเลือดให้ระบบต่างๆ ของคุณ
ก่อนที่คุณจะเกิดเสียอีก
หากไม่มีฉันแล้วก็คงจะไม่มีคุณอยู่ที่นี่

6. ฉันผลิตโปรทีนใหม่
ที่ร่างกายของคุณต้องการ
เพื่อการมีสุขภาพดี และเจริญเติบโต
หากไม่มีฉันแล้ว
คุณก็จะไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควร

7. ฉันกลั่นกรองสารพิษจากอากาศ
ไอเสียรถยนต์ และสารเคมี
ที่คุณหายใจเข้าไป
หากไม่มีฉันแล้ว
คุณก็จะเหมือนถูกวางยาพิษ
โดยมลภาวะเหล่านั้น

8. ฉันผลิตสารทำให้เลือดแข็งตัว
ถ้าคุณบังเอิญไปโดนอะไรบาด
หากไม่มีฉันแล้วคุณจะต้องตาย
เพราะเลือดไหลไม่หยุด

9. ฉันคอยต่อสู้ ป้องกัน
ไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ โจมตีคุณ
ไม่ว่าจะเชื้อหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่
อะไรก็ตาม ฉันจะน็อคมันให้ตายหมด
หรือไม่ก็ทำให้มันอ่อนแรงลง
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็เหมือนเป้านิ่ง
รอให้สารพัดโรคโจมตี

ดูซิว่า ฉันรักคุณแค่ไหน...
แล้วคุณล่ะ รักฉันบ้างไหม ?

ขอให้ฉันบอกวิธีง่ายๆ
ที่จะ รัก ฉัน - ตับ ของคุณ

อย่ากดฉันให้ต้องจมลงในน้ำเบียร์
แอลกอฮอล์ หรือ ไวน์ เลย
สำหรับบางคนแล้วเพียงแก้วเดียว
ก็ทำให้ฉันเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต

ระวังบรรดา " ยา " ทั้งหลาย
ยาทุกอย่างมาจากสารเคมี
และเมื่อคุณเอามันมาผสมกันเข้า
โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์
มันก็กลายเป็นยาพิษ ที่สามารถ
ทำลายฉันได้อย่างดีทีเดียวละ

ฉันเป็นแผลเป็นง่าย
เมื่อเป็นแล้ว เป็นอย่างถาวรเสียด้วย
บางครั้งยาก็เป็นสิ่งจำเป็น
แต่การกินยาเกินความจำเป็น
เป็นนิสัยไม่ดี
บรรดาสารเคมีเหล่านั้น
สามารถทำลายตับได้

จงระวังบรรดากระป๋องสเปรย์ทั้งหลาย
จำไว้ว่า ฉันจะต้องล้างพิษทุกอย่าง
ที่คุณหายใจเอาเข้าไปด้วย
ดังนั้นเวลาคุณทำความสะอาด
อะไรด้วยพวกสเปรย์
ต้องให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
หรือสวมหน้ากากด้วย

อันตรายเพิ่มเป็นสองเท่า
สำหรับพวกสเปรย์ฆ่าแมลง
ฆ่าเชื้อรา สี และสารเคมี
ระวังว่าคุณหายใจเอาอะไรเข้าไป

ระวังว่าอะไรโดนผิวหนังคุณด้วย
ยาฆ่าแมลงที่คุณฉีดต้นไม้ พุ่มไม้นั้น
สามารถผ่านผิวหนังของคุณ
เข้ามาโจมตีฉันได้ด้วย
ป้องกันผิวหนังของคุณ
โดยการสวมถุงมือ ใส่เสื้อแขนยาว
หมวก หน้ากากทุกครั้ง
ที่คุณฉีดยาฆ่าแมลง

คำเตือน

ฉันไม่สามารถและไม่บอกคุณด้วย
ว่าฉันประสพกับปัญหา
จนกระทั่งเกือบจะถึงวาระสุดท้าย
ของทั้งฉันและคุณเสียแล้ว

จงจำไว้ว่า

ฉันไม่ใช่ประเภทขี้บ่น
ให้ฉันทำงานหนักเกินไป
โดยอัด ยา แอลกอฮล์
และบรรดาอาหารขยะ
สามารถทำร้ายฉันได้!
นี่อาจเป็นการเตือนครั้งเดียว
ที่คุณจะได้รับ

โปรดฟังคำแนะนำฟรี

พาฉันไปให้คุณหมอตรวจ
การตรวจเลือด
สามารถบอกปัญหาบางอย่างได้
ถ้าฉันยังอ่อนนุ่ม ไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ
แสดงว่าฉันยังดีอยู่
ถ้าคุณหมอสงสัย
การอัลตร้าเซาวนด์ หรือซีที แสกน ช่วยได้
อายุของฉัน คืออายุของคุณ
ขึ้นอยู่กับว่า คุณดูแลฉันดีแค่ไหน

คราวนี้คุณรู้แล้วละซี
ว่าฉันรักคุณแค่ไหน
ได้โปรดดูแลฉันหน่อย
ด้วยความรักและผูกพัน
จาก เพื่อนร่วมชีวิตผู้สงบเงียบ
และคู่รักนิรันดร ของคุณ

ฉันเอง
คุณตับ... ตับ..ตับ
โปรดส่งต่อให้คนที่คุณรักด้วย

CR. จิว เจนจรุงเกียรติ

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิตามินและอาหารเสริมควรทานเวลาไหนดี?

วิตามินและอาหารเสริมควรทานเวลาไหนดี?

อาหารเสริมวิตามินต่างๆ ในไทยมีมากมายหลายยี่ห้อ และที่มีอย.แต่ด้อยคุณภาพก็มีอยู่มาก แต่คนไทยมักชี้วัดที่ราคาเป็นเกณฑ์ตัดสินใจซื้อ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการกินอาหารเสริมไม่ได้ตัดสินที่ราคาเป็นหัวใจหลัก แต่ต้องมีความรู้ในการเลือกสินค้าที่มีคุณภาพต่างหากคือสิ่งสำคัญ จะได้ไม่เสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลย

ความจริงแล้วนะคะ อยากจะบอกว่าจะกินวิตามินและอาหารเสริมเมื่อไหร่ก็ได้ โดยจะกินเวลาท้องว่าง หรือพร้อมอาหาร หลังอาหารก็ได้
เพราะร่างกายจะเลือกเก็บทุกสิ่งที่ร่างกายต้องการค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เวลาไหนก็ตาม แต่ควรจะกินให้ตรงเวลาทุกวันเพื่อเป็นการสร้างนิสัยให้เราไม่หลงลืมค่ะ

แต่หากอยากจะกินให้ถูกต้องเหมาะสม ให้ได้ผลดีที่สุดจริงๆ ให้ทานตามนี้ค่ะ

กลูต้าไธโอน ทานตอนเช้าในขณะท้องว่างยิ่งดี หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือก่อนนอนในขณะท้องว่าง แต่ถ้ามีส่วนผสมอื่นที่ละลายในไขมันให้ทานพร้อมอาหาร ใ้ห้เลือกซื้อกลูต้าไธโอนชนิดรีดิวซ์ฟอร์ม (Reduced Form) เลือกยี่ห้อที่นำเข้าหรือยี่ห้อใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นหรืออเมริกาเท่านั้น ถ้ากลูต้าไธโอนที่คุณซื้อมามีรสชาติเปรี้ยวแหลม นั่นหมายถึงเป็นกลูต้าไธโอนที่มีคุณภาพสูง ระวังบางยี่ห้อของไทยราคาถูกบอกว่าแท้และมีอย.มักผสมแป้งหรือฟิลเลอร์เพราะวัตถุดิบมีราคาแพง ไม่เลือกยี่ห้อที่ใช้ แอล-ซีสเตอิน แอล-ไกลซีน แอล-กลูตามีน มาผสมกันแล้วบอกว่าเป็นกลูต้าไธโอนเพราะมันไม่เหมือนกัน
วิตามินรวมผสมแร่ธาตุ ให้ทานพร้อมอาหารและน้ำ เนื่องจากน้ำและอาหารจะแยกวิตามินและแร่ธาตุออกจากกัน
วิตามินซี เสื่อมสภาพเร็ว ไม่ควรซื้อขวดใหญ่ให้ซื้อขวดเล็กให้พอทาน 1 เดือน ทานเวลาไหนก็ได้กับน้ำเปล่า หรือพร้อมอาหาร วิตามินซีชนิดธรรมดาควรแบ่งกินครั้งละ 250-500 mg.ค่ะ (ยกเว้น ชนิด Buffered, Time Release, Sustained Release ไม่ต้องแบ่ง)
วิตามินอี ทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย แต่ห้ามทานพร้อมธาตุเหล็กนะ มันไม่ถูกกันค่ะ
กรดอะมิโน ให้ทานกับน้ำเปล่า ก่อนอาหาร 30 นาที หรือในขณะท้องว่าง หรือก่อนนอน หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง 30 นาที
แคลเซียม ทานพร้อมอาหาร หรืออาหารที่ทำมาจากนมได้ยิ่งดี และควรแบ่งกินไม่เกิน 500 mg./ครั้ง
เหล็ก ทานพร้อมน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หรือ น้ำส้ม ห้ามกินกับชา กาแฟ
สังกะสี หากเป็นชนิดคีเลต ให้ทานขณะท้องว่าง หากไม่ใช่ให้ทานพร้อมอาหารที่มีโปรตีนสูง
น้ำมันปลา ไม่ใช่น้ำมันตับปลา สองอย่างนี้ต่างกัน วิธีเลือกซื้อน้ำมันปลาคุณภาพสูงควรเลือกยี่ห้อที่มีสีเหลืองเข้ม ยิ่งเข้มยิ่งดี ถ้ามีสีเหลืองอ่อนหรือใสจะมีคุณภาพต่ำสกัดโดยความร้อนสูงและใช้สารเคมี หรือให้เลือกยี่ห้อที่มีคำว่า Whole
น้ำมันอีฟนิ่ง ให้ทานพร้อมวิตามินอี หากไม่มีวิตามินอีประโยชน์ของน้ำมันอีฟนิ่งจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว และให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อยค่ะ
สารสกัดเมล็ดองุ่น ทานเพื่อต้านอนุมูลอิสระวันละ 100 มก. ทานเืพื่อผิวพรรณและเส้นเลือดขอด 500-600 มก. เพื่อรักษาโรค 500-1,000 มก. ทานเวลาไหนก็ได้ทุกๆ 24 ชั่วโมง
สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์แห่งป่าชายทะเลฝรั่งเศส (Pycnogenol) ทานเพื่อรักษาฝ้า กระ เม็ดสีผิว ผิวไหม้แดด วันละ 100 มก. ทานกับน้ำเปล่าเวลาไหนก็ได้ เปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศสมีราคาแพงมาก บางยี่ห้อมักอ้างว่าใช้เปลือกสนฝรั่งเศสแต่จริงๆ แล้วใช้เปลือกสน (Pine Bark)
โคเอนไซม์คิวเท็น ทานพร้อมอาหารวันละ 50-100 มิลลิกรัม อย่าเลือกชนิดที่เป็นผงเพราะดูดซึมยากหรือดูดซึมได้น้อยมากแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย หรือถ้าต้องการแบบผงให้เลือกแหล่งวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกาจะดีที่สุด ถ้ามีงบสูงให้เลือกแบบซอฟท์เจลชนิด Ubiquinol ดีกว่าและดูดซึมได้ง่ายกว่าชนิด Ubiquinone หรือ Ubidecarenone ดูดซึมได้ยาก โดยปกติโคเอนไซม์คิวเท็นจะมีราคาแพงถ้าถูกเกินจริงนั้นมักจะด้อยคุณภาพ

อ่านก่อนนะคะ

เวลาเช้า เป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัวมากที่สุด และต้องการสารอาหารมากที่สุด
หากจะทานวิตามินและสารอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรเริ่มต้นที่มื้อเช้าเป็นหลัก

จะทานก่อนอาหารหลังอาหารเทคนิคง่ายๆ คือจำไว้ว่า ละลายในไขมันเช่น a, d, e, k, โคคิวเท็น Q10, fish oil, epo, lecithin ฯลฯ
ให้ทานพร้อมอาหารที่มีไขมันด้วยเล็กน้อย

วิตามิน c, b, วิตามินรวม เมล็ดองุ่น เปลือกสน ให้ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารได้ทันทีพร้อมน้ำ

กรดอะมิโนต่างๆ เช่น กรดอะมิโนที่จำเป็น และไม่จำเป็นกับร่างกาย ให้ทานขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 30 นาที - 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง 30 นาที

ความรู้เพิ่มเติม

วิตามินซีเป็นวิตามินตัวหนึ่งที่ละลายและดูดซึมได้ง่ายที่สุด จะทานเวลาไหนก็ได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องทานตอนท้องว่างเลยด้วยซ้ำ

น้ำมันปลาหรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ ต้องทานคู่กับน้ำมันโบราจหรือน้ำมันพริมโรส ต้องทานคู่กันเพื่อสมดุล 3,6,9 และต้องทานอย่างต่ำวันละ 3000 มก.ขึ้นไป และต้องแบ่งทานครั้งละ 1000 มก. น้ำมันปลาใช้แทนน้ำมันแฟลกซ์ได้ และ น้ำมันโบราจใช้แทนน้ำมันพริมโรสได้เช่นกันค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีควรทานให้ครบ โอเมก้า 3-6-9 เช่น น้ำมันแฟลกซ์ + น้ำมันโบราจ + น้ำมันปลา

เลซิติน ถ้าจะทานให้ทานพร้อมอาหาร และต้องทาน 1200 มก. วันละ 2 ครั้ง การทานเลซิตีนดีต่อตับและประสาท แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจเกิดอาการข้างเคียงเหงื่อแตก คลื่นไส้ ท้องอืดท้องเสีย กลิ่นตัว ห้ัวใจเต้นผิดปกติ

ทานเวทลอส เพื่อลดน้ำหนัก ต้องใช้พลังงานด้วย ให้ออกกำลังกายนิดๆ หน่อยๆ ด้วย เช่นเดินไปเดินมา ขึ้นรถลงเรือ ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ จะไม่ได้ผลเพราะมันจะดึงไขมันออกมาก็ต่อเมื่อใช้พลังงาน และเวลาทานก็ทานพร้อมน้ำ 1 แก้วเต็มนะคะ

สารสกัดเมล็ดองุ่น วิธีเลือกซื้อให้ซื้อสารสกัดที่มีค่า OPC 90% ขึ้นไป อย่าซื้อยี่ห้อที่ไม่ได้ระบุค่า OPC หากต้องการกินเพื่อต้านอนุมูลอิสระ ให้กินสารสกัดวันละ 100 มก./วัน เพื่อผิวพรรณและเส้นเลือดขอดวันละ 500-600 มก. เพื่อรักษาโรค 500-1,000 มก./วัน หลังจากกินสารสกัดเมล็ดองุ่น 24 ชั่วโมง จะมีสารออกฤทธิ์เหลืออยูเพียง 28% ดังนั้นจึงควรกินเวลาเดียวกันทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินเพื่อรักษาโรค

อะเซโรล่า เชอร์รี่ (Acerola Cherry) ทั่วไปจะให้วิตามินซีธรรมชาติ 1 มิลลิกรัม ต่อ 66 มิลลิกรัม หรือใน 1,000 มก. จะได้วิตามินซีจากธรรมชาติ 15 มิลลิกรัม
ยกเว้น Acerola 3,000 สูตร 4:1 จะให้วิตามินซี 1 มิลลิกรัม ต่อ 20 มิลลิกรัม หรือใน 3,000 มก. จะได้วิตามินซี 150 มก.

คำแนะนำขนาดและวิธีใช้:

GSH PRO® Her Glutathione กลูต้าไธโอน ระดับฟาร์มาซูติคอลเกรด
ทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
ทานตอนเช้าในขณะท้องว่าง หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 3 ชั่วโมง และก่อนนอนในขณะท้องว่าง (หลังอาหาร 3 ชั่วโมง)

GSH PRO® Radiance Day & Night Glutathione กลูต้าไธโอน ระดับฟาร์มาซูติคอลเกรด สูตรกลางวันและกลางคืน
สูตรกลางวัน ทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ตอนเช้าในขณะท้องว่าง หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 3 ชั่วโมง
สูตรกลางคืน ทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร หรือ ก่อนนอนในขณะท้องว่าง

GSH PRO® Men Glutathione กลูต้าไธโอน ระดับฟาร์มาซูติคอลเกรด สำหรับผู้ชาย และ นักเพาะกาย
รับประทาน วันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 4 แคปซูล ในขณะท้องว่าง ก่อนออกกำลังกาย/ฝึกกล้ามเนื้อ 30-45 นาที
และ/หรือ หลังออกกำลังกาย/ฝึกกล้ามเนื้อทันที เพื่อให้ผลดีที่สุดควรรับประทานวันละ 8 แคปซูล
คำแนะนำควรรับประทานวิตามินบี 6 และเวย์โปรตีนร่วมด้วย 

Acerola 3000 mg. สารสกัดจากผลอะเซโรล่าเชอร์รี่เข้มข้น 3,000 มก.
รับประทานวันละ 1 ช้อนกาแฟ กับน้ำ 1/4 แก้ว หลังจากนั้นเติมน้ำผักหรือน้ำผลไม้ตามใจชอบ หรือน้ำเปล่า
ทานเวลาไหนก็ได้ แนะนำเช้า หรือ ก่อนนอน หรือทานพร้อม GSH, Alpha C

Alpha C® 1000 mg. (อัลฟ่าซี) วิตามินซี 1000 มก. ที่ไม่เป็นกรดผสมอัลฟ่าไลโปอิค
ทานวันละ 1 เม็ด
เช้าหรือก่อนนอน หรือทานพร้อม GSH, Acerola 3000

Selen E® 400IU (ซีลีนอี) วิตามินอีผสมซีลีเนียม
ทานวันละ 1 ซอฟท์เจล
ทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารเช้าทันที หรือทานพร้อม Omega 3-6-9, CoQ10QH™

Pycnogenol® 100 mg. พิคนอจเอ็นออล สารสกัดจากเปลือกสนแห่งป่าชายทะเลฝรั่งเศส
ทานวันละ 1 แคปซูล
ทานพร้อมน้ำ เวลาไหนก็ได้ หรือหลังอาหารทันที แนะนำตอนเช้าหรือก่อนนอน หรือทานพร้อม GSH, Alpha C

Grapeseed Extract 500 mg. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
ทานวันละ 1 แคปซูล
ทานพร้อมน้ำ เวลาไหนก็ได้ หรือหลังอาหารทันที แนะนำตอนเช้าหรือก่อนนอน หรือทานพร้อม GSH, Alpha C

Right Age® 500 mg. ไรท์เอจ
อายุต่ำกว่า 35 ปี รับประทานวันละ 1 แคปซูล เช้าหรือก่อนนอน ก่อนอาหาร 30 นาที หรือขณะท้องว่าง
อายุมากกว่า 35 ปี วันละ 2 แคปซูล เช้าและก่อนนอน ก่อนอาหาร 30 นาที หรือในขณะท้องว่าง
หรือทานพร้อม GSH , Alpha C

CoQ10QH™ - Ubiquinol 100 mg.
ทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง
พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เช้า หรือ เย็น หรือทานพร้อม Selen E, Omega 3-6-9

Injuv ไฮยารูลอน
สองสัปดาห์แรกทานครั้งละ 2 ซอฟท์เจลวันละ 2 ครั้ง 
หลังจากนั้นทานครั้งละ 2 ซอฟท์เจล วันละ 1 ครั้ง
ทานพร้อมหรือหลังอาหาร หรือทานพร้อม Selen E, Omega 3-6-9, CoQ10QH™

HSN Hair Skin & Nails
ทานวันละ 1 หรือ 2 เม็ด
ทานพร้อมหรือหลังอาหาร หรือทานพร้อม Selen E, Omega 3-6-9

Krill Oil
ทานครั้งละ 1 ซอฟท์เจล วันละ 3 ครั้ง
พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เช้า กลางวัน เย็น หรือทานพร้อม Selen E, CoQ10QH™

Omega 3-6-9 (Flax+Borage+Fish Oil)
ทานครั้งละ 1 ซอฟท์เจล วันละ 3 ครั้ง
พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เช้า กลางวัน เย็น หรือทานพร้อม Selen E, CoQ10QH™

Weight-loss Speed Up เวทลอส สปีดอัพ รุ่นใหม่ 45 แคปซูล
ทานวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 3 แคปซูล พร้อมน้ำเปล่า 1 แก้วเต็ม 360 มล.
ทานในขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 60 นาที และก่อนออกกำลังกาย  

สูตรดูแลผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ
กันแดด รังสียูวี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวคล้ำแดด Pycnogenol + Grapeseed
หลุมสิว แผลเป็น ร่องริ้วรอยลึก Injuv
ผิวขาวใส GSH + Alpha C + Acerola 3000
ผิวนุ่มเนียน ชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง สุขภาพดี Hair Skin and Nails + Omega 3-6-9
ต้านความแก่ชรา ริ้วรอยแห่งอายุ Selen E + CoQ10QH™ + Right Age

สูตรดูแล ผม ผิว และ เล็บ
Hair Skin and Nails
Omega 3-6-9

สูตรต้านความแก่ชรา บล็อคอายุ ผมหงอก
Alpha C
Selen E
CoQ10QH™
Right Age

Credit : 
http://www.transgendercity.com/forum/index.php?topic=93.0

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

นํ้ามันปลากับนํ้ามันตับปลาแตกต่างกันอย่างไร และมีประโยชน์อะไรต่อร่างกาย?

ผมกำลังเข้าสู่วัยทองที่จำเป็นจะต้องสรรหาสิ่งดีๆให้แก่ร่างกายเพิ่มเติมบ้างแล้วล่ะครับ แต่พอคิดจะเลือกหามารับประทานบ้างก็ปวดหัวหนักซะแล้ว เพราะมีคนมากมายแนะนำให้หาซื้อ "นํ้ามันตับปลา" (Cod Liver Oil) มาบำรุงร่างกาย แต่ก็ดันไปเจอ "นํ้ามันปลา" (Fish Oil) เข้าไปอีก เลยงงไปกันใหญ่ว่าอะไรกันแน่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราได้ดีกว่ากัน

คำตอบที่ดีที่สุด:  • น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) สกัดจากตับของปลาทะเล เช่นปลาคอด แฮลิบัท เฮอร์ริ่ง นิยมรับประทานเพื่อเสริมวิตามินเอ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเยื่อบุผิวให้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีวิตามินดี ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมรวมทั้ง ฟอสฟอรัสบริเวณลำไส้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้การสร้างกระดูกเป็นไปอย่างปกติ

น้ำมันตับปลานั้นส่วนใหญ่จะมีปริมาณวิตามิน เอ และดี ในปริมาณที่สูง และได้น้ำมันด้วย หากได้รับวิตามินเกินขนาด โดยเฉพาะวิตามินเอและดี ก็อาจเกิดพิษจากการสะสมวิตามินเกินความจำเป็น โดยมีอาการความดันในสมองสูง ปวดศีรษะ หิวน้ำ และปัสสาวะบ่อย ฯลฯ เป็นผลข้างเคียง ที่เกิดจากการรับประทานเกินขนาด

• น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นน้ำมันที่สกัดจากเนื้อ หนัง หัว และหางปลาทะเล อาทิ ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคคอเรล ปลาแซลมอน ปลาทูน่า น้ำมันปลามีกรดไขมันที่ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างเองได้ โดยเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (Polyunsaturated Fatty Acid) หรือ PUFA 2 ชนิด ในกลุ่มโอเมก้า3 คือ
- Eicosapentaenoic acid (EPA)
- Docosahexaenoic acid (DHA) 

สำหรับประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า3 ในทางการแพทย์คือ สามารถลดอุบัติการณ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือด (ใช้ในปริมาณสูงถึง 2 กรัมต่อวัน)
การใช้ลดการอักเสบในคนไข้โรครูมาตอยด์ที่มีอาการปวดข้อ การใช้เพื่อลดอาการคันและอักเสบในคนไข้โรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีอาการอักเสบร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประโยชน์ของ DHA กับการพัฒนาสมองและดวงตา โดยมีการนำ DHA ไปเสริมในนมสำหรับทารก หรือหญิงมีครรภ์ การใช้ในโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ที่พบในผู้สูงอายุ

จะปลาเล็ก..ปลาน้อย..ปลาตัวโต หากเรารับประทานปลาเป็นประจำ ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจหรือไขมันอุดตันก็จะน้อยกว่าคนทั่วไป ที่สำคัญ ยังมีผลวิจัยว่าสาร DHA มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองโดยเฉพาะในส่วนของความจำ และการเรียนรู้ เพราะสาร DHA จะเข้าไปเสริมสร้างความเจริญเติบโต ของปลายประสาทที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องซื้อปลาแพง ๆ มารับประทาน เพราะแค่ปลาสด ๆ ที่วางขายในตลาดแถวบ้าน เช่น ปลาทู ปลาตะเพียน ก็มีสารอาหารเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว

รับประทานน้ำมันปลาอย่างไรจึงจะปลอดภัย
1. บุคคลทั่วไป ควรรับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งอาหารที่มีกรด alpha – linolenic acid สูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดธัญญพืช เต้าหู้ เป็นต้น
2. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ควรรับประทานน้ำมันปลา ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม/วัน
3. ผู้ป่วยที่ต้องการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ควรรับประทานวันละ 2 – 4 กรัม

* ก่อนตัดสินใจรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย และพึงระวังว่าการรับประทานน้ำมันปลาขนาดสูง อาจทำให้ระดับวิตามินอีในร่างกายลดลง

ควรทานดีหรือไม่ ?

อาหารเสริม คือ อาหารที่เสริมนอกเหนือจากอาหารมื้อหลักของเรา ส่วนใหญ่ใช้ในคนที่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
แต่ถ้ารับประทานอาหารเพียงพอ และครบถ้วนแล้ว การทานอาหารเสริมก็ไม่จำเป็น (ไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆ)

ในการสร้างเซลสมอง ร่างกายจำเป็นที่จะต้องใช้ไขมัน 2 ชนิดคือ Omega-3 และ DHA ซึ่งพบมากในน้ำมันปลา (และในอาหารอื่นๆอีกหลายชนิด) แล้วเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของ DHA เพื่อสร้างเซลสมองต่อไป
ซึ่งกระบวนการสร้างเซลสมองนี้ เกิดขึ้นในช่วงเด็กทารกจนถึงอายุประมาณ 5 ขวบ (สมอง เติบโตช่วงทารก - 5 ขวบ ส่วนหัวใจ เติบโตช่วงทารก - 20 ปี) ดังนั้นคนที่อายุมากกว่านี้ กินไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก (แต่อาจจะได้ประโยชน์ในเรื่องของช่วยลดไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ)

ส่วนใหญ่จะใช้บำรุงเด็กเล็กๆ หรือตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยในอาหารเด็กหลายยี่ห้อ จะมีการผสมน้ำมันปลาลงไปด้วย
แต่จากการศึกษาพบว่า น้ำมันปลามีส่วนช่วยเรื่องความจำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้เด็กฉลาดกว่าปกติแต่อย่างใด และในเด็กเล็กๆ บางคนที่ไม่แข็งแรงก็อาจแพ้สารพิษจากน้ำมันปลาได้

สมองที่ดีอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงครับ ฉะนั้นทำร่างกายเราให้แข็งแรง ทานอาหารเพียงพอและครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดี โดยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อที่ไหน จากนั้นเรื่องความจำและสมอง ให้หมั่นคิดบ่อยๆ ทำแบบฝึกหัด ยิ่งทำเยอะ ยิ่งเข้าใจ อ่านหนังสือ ไม่มีอะไรเกินความพยายาม

ยี่ห้อนี้จากนิวซีแลนด์ ได้รับารรับรองจากอย.  น้าเรากินอยู่เพราะหมอแนะนำ นางบอกเลิศจริงไรจริงจ้า
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอาหาร OMEGA3 DHA/Mini 500 มก.คือ น้ำมันปลาชนิดเดียวกับ OMEGA3 DHA 1000 มก.ทุกประการ หากแต่มีปริมาณน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อให้ เหมาะสำหรับเด็ก และผู้ที่กลืนเม็ดยายากด้วยเอกสิทธิ์การผลิตน้ำมันปลาที่มีความบริสุทธิ์สูงจาก “แหล่งปลา” ธรรมชาติในน่านน้ำทะเลปิดบริเวณเกาะใต้ของนิวซีแลนด์โดยใช้ปลาประจำชาติ “โฮกิ” ผสมกับน้ำมันปลาทูน่าสกัดเข้มข้นจนได้คุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาโอเมก้า3 / ดีเอชเอของเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์ ที่โดดเด่นดังนี้
ความบริสุทธิ์: น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอ จากน่านน้ำทะเลปิด!  น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอ เอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์กลั่นจากปลาโฮกิ (Hoki) ผสมปลาทูน่าที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำบริสุทธิ์ของทะเลซีกโลกใต้ที่ไร้การเดินเรือขนส่ง จึงมีสารเจือปนโดยเฉพาะสารโลหะหนักน้อยกว่าทุกแหล่งจนได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นน้ำมันปลาโอเมก้า3 / ดีเอชเอที่บริสุทธิ์ที่สุด
ความสดใหม่: ทานแล้วไม่เรอ! น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอของเรามีความสดสูงไร้สารแต่งกลิ่นและรสโดยวัดระดับความสดจากค่าสัมผัสออกซิเจนของน้ำมันปลาขณะผลิตหรือง่ายๆจากอาการเรอหลังทานเนื่องมาจากน้ำมันปลาที่มาจากปลาไม่สด ซึ่งเรากล้ารับประกันความสดของน้ำมันปลาทุกเม็ดยืนยันความสดใหม่ได้จากผลการวิเคราะห์จากห้องแล็ปรัฐบาลที่ประเทศนิวซีแลนด์Cawthron Laboratories และAgriquality Laboratories.
ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ: สูงกว่าถึงสองเท่าครึ่ง! น้ำมันปลานั้นโดดเด่นในการต้านการอักเสบในร่างกายซึ่งและน้ำมันปลาโอเมก้า3/ดีเอชเอของเอ็กซ์เท็นด์ไลฟ์เท่านั้นที่มีคุณประโยชน์นี้สูงกว่าน้ำมันปลา 'ธรรมดา’ ถึงสองเท่าครึ่งเราเรียกคุณประโยชน์ที่โดดเด่นนี้ว่า "X-Factor" ซึ่งได้จากการผสมน้ำมันปลาคุณภาพสูง 2 ชนิดเข้าด้วยกันคุณสมบัติต้านการอักเสบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนแพทย์ Wellington School of Medicine ที่ประเทศนิวซีแลนด์
ประสิทธิภาพทางชีวภาพ: ดูดซึมได้ง่ายกว่า ! น้ำมันปลา โอเมก้า3 /ดีเอชเอเรากลั่นในระดับโมเลกุลจึงคงสภาพน้ำมันปลาที่เป็นธรรมชาติ และรูปเข้มข้นซึ่งไม่ใช่รูปสังเคราะห์ดังเช่นที่พบในท้องตลาดทั่วไป
ดีเอชเอสูงถึง140 มก. จากโอเมก้า3 500 มก. กรดไขมันชนิดดีที่สำคัญใน OMEGA3 คือ DHA และ EPA หากแต่ DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมองและระบบประสาท นอกจากนี้เมื่อร่างกายต้องการใช้ EPA ร่างกายสามารถเปลี่ยน DHA ให้อยู่ในรูป EPA ได้ง่าย ในขณะที่การเปลี่ยนจาก EPA มาเป็น DHA นั้นทำได้ยากกว่า
หากคุณกำลังมองหาอาหารบำรุงสมองและกำลังพิจารณาว่าจะรับประทานน้ำมันปลาโอเมก้า3 ยี่ห้อไหนดี  ข้างล่างนี้คือ คำแนะนำที่อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้
1. แหล่งที่มาของการผลิตน้ำมันปลา
ปลาที่จะนำมาผลิตเป็นอาหารเสริมนั้น ต้องมีความบริสุทธิ์สะอาดมากกว่าการนำปลาที่นำมาบริโภคทั่วไปเพราะการสกัดน้ำมันปลาออกมานั้นเราได้คุณค่าสารสำคัญ เช่นกรดไขมันชนิดดีต่างๆ ในปริมาณมากกว่าการรับประทานปลาเป็นตัวๆแต่หากแหล่งที่มาของปลามีสารปนเปื้อนแล้วก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารปนเปื้อนนั้นเข้าไปในปริมาณสูงเช่นเดียวกัน
ระยะเวลา จากแหล่งปลาถึงแหล่งผลิตก็มีความสำคัญ หากใช้ระยะเวลานานดังเช่น การจับปลาบนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่และใช้เวลาอยู่บนเรือนับเป็นเดือนๆ ก็จะทำให้ปลาไม่สดซึ่งกรดไขมันจะเสื่อมคุณภาพนอกจากร่างกายจะไม่ได้รับประโยชน์จากกรดไขมันได้เต็มที่แล้วยังอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นคาวอีกด้วย
2. ข้อมูลโภชนาการบนฉลาก เช่น ปริมาณ DHA และ EPA
ปริมาณกรดไขมันตัวที่ดี มีสัดส่วนที่เหมาะสมตามธรรมชาติของปลา ตั้งแต่ OMEGA 3,6 และ 9 โดย OMEGA3 ที่สำคัญได้แก่ DHA และ EPA อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้เลือกน้ำมันปลาที่มี DHA สูงเพราะร่างกายสามารถเปลี่ยน DHA เป็น EPA ได้ง่ายกว่า
3. ได้รับการรับรองจากองค์กร หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐาน
อาหารเสริมที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เช่น องค์การอาหารและยาไทย
4.  ผลงานวิจัย
ผลงานวิจัยที่ให้การรับรองถึงประสิทธิภาพในคุณสมบัติสำคัญของน้ำมันปลา เช่นการรักษาการอักเสบ เป็นสิ่งสำคัญ  ที่ยืนยันคุณภาพของน้ำมันปลานั้นได้

มาทำความรู้จักกับน้ำมันปลากันก่อนนะค่ะว่ามัน ฟิชออย คืออะไร? น้ํามันปลา หรือ Fish oil นั้นคือส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หัว หนัง หาง ของปลานั้น โดยเฉพาะปลาในเขตพื้นที่หนาวๆค่ะ ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิดเลยทีเดียวที่จำเป็น น้ำมันปลาประกอบนั้นด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) และกรดไขมันโอเมก้า-6 (Omega-6) สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นก็จะถูกจะแบ่งออกเป็น  DHA และ EPA เป็นหลักค่ะ ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมากมาย เพราะว่าร่างกายเรานั้นไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ต่ะ และต้องได้รับจากอาหารหรือ อาหารเสริม ที่เรากินเข้าไปเท่านั้นนะค่ะ

น้ํามันปลา ที่ดีควรมาจากปลาทะเล ตัวอย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาซาบะ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาแงโชวี่ ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล หอยกาบ ปลาชอคฟิช หอยพัด กุ้ง หอยนางรม ปลาหมึก ควรเป็นปลาที่มาจากทะเลจริงๆนะค่ะไม่ใช่เลี้ยงในบ่อนะค่ะ


ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
"ที่มาของชื่อเวบไซต์ "GoutDak เก๊าท์แดก" วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่เก๊าท์แดก โรคเก๊าท์กำเริบ ที่บริเวณข้อนิ้วโป้งเท้าขวา บวมมาก แล้วเดินไม่ได้ ก็เลย เปิดเวบบอลค์ "GoutDak เก๊าท์แดก" ซะเลย พี่เอี้ยง พลอากาศตรี หญิง ปริชาติ นกน้อย เพื่อนกันตั้งให้ โทรไปพี่เอี้ยง ทักเลย ได้ข่าวว่า" ตุ๊ เก๊าท์แดก" ก๊เลยหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน(ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเวบไวด์ ซะเลย) พี่ตุ๊ KPI เมื่อ 31 มีนาคม 2553 Establish March 31, 2010 www.goutdak.blogspot.com eMail:goutdak@gmail.com